วันศุกร์ที่ 13 พฤศจิกายน พ.ศ. 2552

What are moral values?

What are moral values?

Moral values are the standards of good and evil, which govern an individual’s behavior and choices. Individual’s morals may derive from society and government, religion, or self. When moral values derive from society and government they, of necessity, may change as the laws and morals of the society change. An example of the impact of changing laws on moral values may be seen in the case of marriage vs. “living together.”

In past generations, it was rare to see couples who lived together without the benefit of a legal matrimonial ceremony. In recent years, couples that set up household without marriage are nearly as plentiful as traditional married couples. But, not only are such couples more plentiful, they are also more accepted by other individuals in our society. In earlier society, the laws and morals simply came from the Roman system of law, which was largely based on the Ten Commandments. As society moved into the modern era, that earlier system of laws became more and more eroded.

Moral values also derive from within one’s own self. This is clearly demonstrated in the behavior of older infants and young toddlers. If a child has been forbidden to touch or take a certain object early on, they know enough to slowly look over their shoulder to see if they are being observed before touching said object. There is no need for this behavior to be taught; it is instinctive. Once, however, any form of discipline is applied to modify the child’s behavior, the child now gains the capacity within himself to distinguish his right behavior from his wrong behavior. Now, the child can make correct choices based on his own knowledge. The choices that are made by an individual from childhood to adulthood are between forbidden and acceptable, kind or cruel, generous or selfish. A person may, under any given set of circumstances, decide to do what is forbidden. If this individual possesses moral values, going against them usually produces guilt.

Religion is another source of moral values. Most religions have built-in lists of do’s and don’ts, a set of codes by which its adherents should live. Individuals who are followers of a particular religion will generally make a show of following that religion’s behavioral code. It is interesting to note that these codes may widely vary; a person whose religion provides for polygamy will experience no guilt at having more than one spouse while adherents to other religions feel they must remain monogamous. Christianity goes beyond all other religions in that it is more than just a system of do’s and don’ts; it is a relationship with the living God through His Son, Jesus Christ. A Christian’s set of moral values go beyond society’s mores and selfish instincts. Christians ideally behave correctly because they love God and want to please Him. This is at once a high calling and a low position. It is a high calling because God has required that all who love Him should keep His commandments; therefore it is an act of obedience. John 14:15 says, "If you love me, you will obey what I command.” It is a low position because we must totally deny our own will to do what pleases the Lord. Christ Jesus as He lived His life on earth is our supreme example; if we pattern our behavior after Him then our lives are most valuable. John 15:10 says, “If you obey my commands, you will remain in my love, just as I have obeyed my Father's commands and remain in his love.”

http://www.allaboutphilosophy.org/moral-values-faq.htm



Moral Values Versus Christian Theology

We hear a lot of talk about moral values, but we hear very little about what those two words actually mean. We hear that they express the fundamentalist Christian positions of anti-abortion, anti-gay rights, and anti-stem cell research, but are these positions actually moral values? Let's ask and answer three questions:

Question One --
What Are Moral Values:
Consider these possible definitions of "moral values:"
Universally accepted, compassionate, loving, Christ-like principles -- Ethical and honorable ways to relate of others -- The practice of encouraging unity, harmony and brotherhood -- The principles and modes of behavior taught by Jesus (as written in the Christian Bible.)

Moral = Webster's Dictionary defines "moral" as: Relating to, dealing with, or capable of making the distinction between right or wrong conduct -- Principles, standards habits with respect to right or wrong in conduct.

Values = Webster's Dictionary defines "values" as: The social principles, goals or standards held or accepted by an individual, a class, a society, etc.

Right = Webster's Dictionary defines "right" as: In accordance with fact, reason, justice, law, and morality; correct in thought and action; Synonyms for right include: correct, honest, ethical, just, true, accurate, precise, suitable, fitting, appropriate, proper.

Wrong = Webster's Dictionary defines "right" as: Contrary to fact or reason, unlawful, crooked, twisted, immoral, improper; Synonyms for wrong include: dishonest, illegal, mistaken , criminal, unethical, sinful, unsuitable, inappropriate improper, incorrect, injurious, harmful, damaging, unjust.

http://www.choice101.com/332b-clarify-moral-values.html#WhatAreMoralValues

วันพุธที่ 11 พฤศจิกายน พ.ศ. 2552

วิกฤตการณ์ค่านิยมในสังคมไทย

วิกฤตการณ์ค่านิยมในสังคมไทย

การสำรวจความคิดเห็นของเยาวชน ซึ่งจัดทำขึ้นโดย สำนักโพลที่มีชื่อเสียงแห่งหนึ่งเมื่อเร็วๆ นี้ มีผลการสำรวจที่ค่อนข้างน่าตกใจ กล่าวคือ เยาวชนส่วนใหญ่ที่กรอกแบบสำรวจแสดงความคิดเห็นว่า พฤติกรรมที่พวกเขาอยากลอกเลียนแบบนักการเมืองของไทยมากที่สุดก็คือ พฤติกรรม การกระทำที่เห็นแก่ตัวและการทุจริตประพฤติมิชอบต่างๆในขณะที่มีเยาวชนแสดงความคิดเห็นว่าอยากจะลอกเลียนแบบพฤติกรรมและการกระทำความดีของนักการเมืองน้อยกว่าเยาวชนกลุ่มแรกถึงสามเท่าผลการสำรวจความคิดเห็นเยาวชนดังกล่าวเป็นเรื่องที่บางคนอาจจะคิดว่าไม่น่าเชื่อหรือเยาวชนผู้ตอบแบบสอบถามอาจจะ "ล้อเล่น"แต่ถ้านำผลการสำรวจความคิดเห็นในประเด็นเรื่องดังกล่าวในระยะสองสามปีที่ผ่านมา ก็จะเห็นว่า ผลการสำรวจดังกล่าวเป็นไปในทิศทางเดียวกันเช่น ผลการสำรวจความคิดเห็นของนักศึกษาเมื่อสองสามปีก่อน ก็ชี้แสดงในลักษณะเดียวกันว่า นักศึกษาส่วนใหญ่เห็นว่าการทุจริตประพฤติมิชอบเป็นเรื่องปกติธรรมดาและก่อนที่จะมีการเลือกตั้งทั่วไปในวันที่ 23 ธันวาคมที่ผ่านมานั้น ผลการสำรวจของทางราชการก็ชี้แสดงไปในทิศทางเดียวกันว่า ประชาชนส่วนใหญ่แสดงเจตจำนงที่จะขายเสียงหรือรับเงินจากนักการเมือง ในการเลือกตั้งทั่วไปดังกล่าวการที่เยาวชน นักศึกษา และประชาชนทั่วไปแสดงความคิดเห็นในลักษณะดังกล่าวข้างต้นแสดงให้เห็นชัดว่า ค่านิยมที่วิทยากร เชียงกูล ซึ่งเป็นที่รู้จักกันดีของรุ่น 14 ตุลาคม 2516 ในฐานะเจ้าของบทกวี "ฉันจึงมาหาความหมาย" เรียกว่า "ค่านิยมแบบเห็นแก่ได้" กำลังระบาดลุกลามไปทั่วสังคมไทยซึ่งสาเหตุหลักของค่านิยมดังกล่าวอาจารย์วิทยากรชี้ว่าเป็น "นโยบายการบริหารที่เน้นการแข่งขันหาเงินเพื่อการบริโภคสูงสุด คือตัวการสร้างค่านิยมแบบเห็นแก่ได้ ที่นำไปสู่ความเสื่อมโทรมทางศีลธรรมให้เยาวชน และประชาชนทั้งประเทศ..."ซึ่งค่านิยมแบบเห็นแก่ได้ดังกล่าว ผู้เขียนมีความเห็นว่าเป็นวิกฤตการณ์ค่านิยม (value crisis) ที่ร้ายแรงของสังคมไทยในปัจจุบันซึ่งวิกฤตการณ์ค่านิยมเช่นนี้ก่อให้เกิดผลเสียหายเป็นอย่างมากทั้งด้านทรัพยากรและจิตใจของผู้คน แต่คนส่วนใหญ่โดยเฉพาะชนชั้นนำมักจะมองไม่เห็นความเชื่อมโยงเป็นเหตุเป็นผลต่อกันระหว่างนโยบายการพัฒนาประเทศที่เน้นแต่การหาเงินและความเจริญเติบโตทางวัตถุเหตุที่ค่านิยมความเห็นแก่ได้ดังกล่าวก่อให้เกิดผลเสียหายทั้งด้านทรัพยากรและจิตใจก็เนื่องจากว่าผู้คนในสังคมที่มีค่านิยมเช่นว่านั้นมุ่งที่จะได้มาซึ่งทรัพย์สินเงินทองหรือทรัพยากรต่างๆ โดยไม่สนใจว่า จะใช้วิธีการใดเพื่อให้ได้มาซึ่งสิ่งที่ตนต้องการกล่าวอีกนัยหนึ่งก็คือ วิธีการ (means) ใดก็ตามที่สามารถทำให้บรรลุจุดหมาย (end) ได้แล้วก็จะถูกนำมาใช้โดยไม่คำนึงถึงกฎหมายบ้านเมืองหรือศีลธรรม เช่นการบุกรุกทำลายป่าและทรัพยากรธรรมชาติอื่นๆ การค้ายาเสพติด การค้ามนุษย์ การรับจ้างทำร้ายหรือสังหารผู้อื่น การค้าประเวณี การทุจริตประพฤติมิชอบ ตลอดจนการซื้อสิทธิขายเสียงที่กำลังบ่อนทำลายระบอบประชาธิปไตยและความมั่นคงของชาติอย่างรุนแรงอยู่ในขณะนี้ที่กล่าวมาแล้วข้างต้นนั้น เป็นการวิเคราะห์สาเหตุหลักของค่านิยมแบบเห็นแก่ได้ในมิติของสังคมศาสตร์เพื่อการพัฒนาซึ่งเป็นมิติหรือมุมมองในระดับมหภาคที่เป็นการมองปัญหาและสาเหตุของปัญหาในระดับประเทศ ซึ่งผู้เขียนคิดว่า ถ้าจะให้ดีหรือครอบคลุมอย่างละเอียดชัดเจนมากขึ้นก็จะต้องวิเคราะห์ในระดับจุลภาคหรือระดับปัจเจก บุคคลประกอบไปพร้อมๆ กันด้วยและผู้เขียนก็จะขอวิเคราะห์ถึงสาเหตุของปัญหาและแนวทางแก้ไขปัญหา โดยอาศัยคำสอนในพุทธศาสนาและความรู้ทางด้านจิตวิทยาสังคมในคำสอนทางพระพุทธศาสนานั้น มนุษย์เราจะชั่วดีอย่างไรก็ขึ้นอยู่กับตนเองและผู้อื่น กล่าวคือ การที่จะเป็นคนดีได้ก็ต้องอาศัยปัจจัยภายในคือ โยนิโสมนสิการ หรือการคิดอย่างแยบคายเป็นเหตุเป็นผลของตัวเราเอง และปัจจัยภายนอกซึ่งได้แก่ ปรโตโฆษะ หรือเสียงจากผู้อื่น ซึ่งในที่นี้ก็หมายถึงเสียงเตือนหรือคำอบรมพร่ำสอนจาก กัลยาณมิตร ทั้งหลาย ไม่ว่าจะเป็นญาติมิตร บิดา มารดา ครูบาอาจารย์ นักบวช ฯลฯในยุคข้อมูลข่าวสารนี้ ปรโตโฆษะที่เป็นกัลยาณมิตรก็น่าจะหมายรวมไปถึงเสียงเตือนหรือการให้การศึกษาอบรมในทางที่ดีจากสื่อมวลชนประเภทต่างๆ ด้วย แต่ในทางกลับกันนั้น การที่จะเป็นคนชั่วได้นั้นก็ต้องอาศัยทั้งมิจฉาทิฐิหรือความคิดความเชื่อตลอดจนค่านิยมที่ไม่ถูกต้องของทั้งตนเองและผู้อื่นที่อยู่รอบข้าง รวมทั้งการให้ความรู้และการให้การอบรมบ่มนิสัยในทางที่ผิดจากสื่อมวลชนที่ไม่ดี รวมไปถึงการ์ตูนและเกมส์ต่างๆ ที่เป็นอันตรายต่อเยาวชนที่กำลังแพร่หลายอยู่ในปัจจุบันตามทฤษฎีการเรียนรู้ทางสังคม (social learning theory) โดยเฉพาะทฤษฎีของอัลเบิร์ต แบนดูรา (Albert Bandura) นั้น ผู้คนในสังคมโดยเฉพาะเยาวชนจะเรียนรู้และลอกเลียนพฤติกรรมของผู้ที่เด่นดังในสังคม เป็นต้นว่า ผู้นำทางการเมือง และดารานักร้อง นักแสดง ซึ่งคนเหล่านี้จะเป็นตัวแบบ (model) ที่มีอิทธิพลต่อบุคคลอื่นๆ ในสังคมเป็นอย่างมากในกรณีของดารานักแสดงนักร้องนั้น การทะเลาะตบตีแย่งคนรักกันทั้งในละครและในชีวิตจริงนั้น ได้กลายเป็นตัวอย่างที่เยาวชนและบุคคลทั่วไปในสังคมเป็นจำนวนไม่น้อยลอกเลียนแบบ โดยเฉพาะนักเรียนหญิงในโรงเรียนระดับมัธยมศึกษา มี การทะเลาะตบตี กันอยู่บ่อยครั้ง ส่วนใหญ่ก็มีสาเหตุมาจากการแย่งแฟนแต่กรณีที่น่าเป็นห่วงมากไปกว่านั้นก็คือ การทุจริตประพฤติมิชอบของนักการเมือง ซึ่งการทุจริตประพฤติมิชอบเหล่านี้ สื่อมวลชนแขนงต่างๆ ได้นำออกมาตีแผ่ให้สาธารณชนได้รับรู้อยู่แทบทุกวันทำให้ประชาชนจำนวนไม่น้อยโดยเฉพาะเยาวชนซึมซับรับเอาตัวแบบที่ไม่ดีของนักการเมืองที่ทุจริตประพฤติมิชอบเหล่านั้นมาทีละเล็กทีละน้อย จนเห็นว่าเรื่องคอร์รัปชั่นเป็นเรื่องปกติธรรมดา และยอมกระทำทุกอย่างเพื่อให้ได้ทรัพย์สินเงินทองมาโดยไม่สนใจว่า การกระทำหรือวิธีการนั้นถูกต้องชอบธรรมหรือไม่สิ่งที่ผู้เขียนและคนอีกเป็นจำนวนมากในสังคมไทยกำลังเป็นห่วงในขณะนี้ก็คือ ค่านิยมแบบเห็นแก่ได้ดังกล่าวนี้กำลังแพร่ระบาดเข้าไปในแทบทุกวงการ แม้แต่ในวงการศึกษา ศาสนา ตลอดจนในแวดวงผู้ทำงานเกี่ยวกับการรักษาความเป็นปกติสุขของบ้านเมือง และความมั่นคงของชาติ ซึ่งในปัจจุบันนี้มีคนในวงการหรือแวดวงดังกล่าวเป็นจำนวนไม่น้อยที่กระทำสิ่งที่เป็นภัยคุกคามความเป็นปกติสุขของบ้านเมืองและความมั่นคงของชาติ เช่น การค้ายาเสพติด การค้าอาวุธสงคราม ฯลฯ รวมไปถึงการกระทำตนเป็นลูกน้องหรือหัวคะแนนให้นักการเมืองในการซื้อสิทธิขายเสียงซึ่งหากปล่อยให้ค่านิยมแบบเห็นแก่ได้ที่นับว่าเป็นวิกฤตการณ์ค่านิยมในสังคมไทยที่ร้ายแรงดังกล่าวข้างต้นแผ่ขยายต่อไปเรื่อยๆ แล้ว สักวันหนึ่งสิ่งที่ ศ.นพ.ประเวศ วะสี เรียกว่าวิกฤตการณ์ที่ 4 แห่งสังคมไทย คือการพัฒนาไปในทิศทางที่ทำลายตนเองก็คงจะมาถึงในไม่ช้าด้วยเหตุนี้ ผู้เขียนจึงใคร่ขอวิงวอนรัฐบาลให้กำหนดนโยบายพัฒนาประเทศที่เน้นการพัฒนาแบบยั่งยืนที่คำนึงถึงคุณภาพชีวิตของประชาชนและสิ่งแวดล้อมให้มากโดยนำกระแสพระราชดำรัสของพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวในเรื่องการพัฒนาประเทศ โดยเฉพาะในเรื่องทฤษฎีใหม่และเศรษฐ กิจพอเพียง ไปปฏิบัติให้เกิดผลอย่างเป็นรูปธรรมให้มากที่สุดเท่าที่จะมากได้และมุ่งมั่นที่จะทำงานเพื่อประชาชนอย่างเสียสละอุทิศตน และประพฤติปฏิบัติตนเป็น "ผู้ใหญ่" ที่ดีของเยาวชนคนหนุ่มสาวจะได้ยึดเป็นตัวแบบ (model) ในการดำเนินชีวิตของพวกเขาสืบไป ซึ่งหากเป็นเช่นนี้แล้วไซร้ "วิกฤตการณ์ที่ 4 แห่งสังคมไทย" คือการพัฒนาไปในทิศทางที่ทำลายตนเองก็คงจะไม่เกิดขึ้นในสังคมไทยอย่างแน่นอน

(ข้อมูล : โดย ปรีชา ดิลกวุฒิสิทธิ์ มหาวิทยาลัยบูรพา)